วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

บุคคลแรกที่พูดได้เดินได้ทันทีที่เกิด

เสฐียรพงษ์ วรรณปก : สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา (1) บุคคลแรกที่พูดได้เดินได้ทันทีที่เกิด



บอกไว้ก่อนว่า เรื่องอย่างนี้มิใช่เรื่องอัศจรรย์ มิใช่เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ แต่เป็นปรากฏการณ์ “ธรรมดา” ที่เกิดขึ้นได้สำหรับบุคคลพิเศษ

บุคคลพิเศษในที่นี้ก็คือ เจ้าชายสิทธัตถะ

เจ้าชายสิทธัตถะคือใคร ชาวพุทธทุกคนก็ต้องรู้ (หรือว่าไม่รู้ก็มิทราบ คุณปัญญา ลองนำไปถามในรายการทีวีของท่านดูสักหน่อยได้ไหมครับ) เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กับพระนางสิริมหามายา แห่งเมืองกบิลพัสดุ์ แคว้นศากยะ ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาหิมาลัย ปัจจุบันนี้อยู่ในประเทศเนปาล

ก่อนประสูติเล็กน้อย พระนางสิริมหามายาเสด็จนิวัตยังพระนครเทวทหะ บ้านเกิดเมืองนอนของท่านเพื่อไปคลอดลูก (แหม พอได้พูดคำธรรมดา ไม่ใช้ราชาศัพท์ เขียนคล่องเลยครับ)

ขบวนเสด็จไปถึงพระราชอุทยานชื่อลุมพินีวัน ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ พระนางก็ประชวรพระครรภ์ จึงเสด็จไปพักผ่อนในพระราชอุทยาน แล้วก็ทรงมีพระประสูติกาล (คลอดลูกนั้นแหละครับ) ณ สวนลุมพินีนั้นเอง

เคยมีครูถามนักเรียนว่า นักเรียน ทำไมเจ้าชายสิทธัตถะประสูติที่สวนลุมพินี นักเรียนยกมือตอบด้วยความมั่นใจว่า “เพราะอยู่ใกล้โรงพยาบาลจุฬาครับ!” (นี่แหละครับ ผมถึงอยากให้คุณปัญญา ทดสอบผ่านรายการของท่าน ให้ผมหน่อย)

พระนางสิริมหามายาทรงยืน (ตรงนี้ไม่ “ประทับยืน” แน่ๆ เพราะ “ประทับ” แปลว่านั่ง ประทับยืน ก็แปลว่า “นั่งยืน” มองไม่ออกว่าทำอีท่าไหน) เหนี่ยวกิ่งสาละ (ไม่ควรแปลว่า ต้นรัง ผมไปเห็นมาแล้ว ต้นสาละไม่ใช่ต้นรัง) พระราชกุมารน้อยก็ก้าวลงจากพระครรภ์ ผินพระพักตร์ไปทางทิศอุดร ทรงชี้พระดรรชนีขึ้นฟ้า เสด็จดำเนินไป 7 ก้าว ทรงเปล่ง อาสภิวาจา (วาจาอย่างองอาจ)

อาสภิวาจา ว่าอย่างไร อาทิตย์หน้าค่อยว่ากัน วันนี้ขอแถลงเรื่อง การที่เจ้าชายสิทธัตถะ พูดได้ เดินได้ ทันทีที่ประสูติ

คนส่วนมากตั้งคำถามว่า “พูดได้ เดินได้จริงหรือ” บางท่านก็พูดออกมาตรงๆ ว่า ไม่เชื่อ อมพระมาทั้งโบสถ์ก็ไม่เชื่อ เพราะไม่คิดว่าเรื่องอย่างนี้จะเป็นไปได้กระมัง อาจารย์รุ่นหลังๆ จึงหาทางออกว่า เป็น “สัญลักษณ์” หรือ “บุพนิมิต” แล้วก็แจกแจงอย่างน่าฟัง เช่น

การที่ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ เป็นสัญลักษณ์ว่า ท่านผู้นี้ต่อไปจะเป็นผู้อยู่เหนือ คือ เอาชนะเจ้าลัทธิทั้งหลายในชมพูทวีป

การเสด็จดำเนิน 7 ก้าว เป็นสัญลักษณ์แทนแว่นแคว้นทั้ง 7 ที่จะได้ประกาศสัจธรรมที่ตรัสรู้ให้แพร่หลาย หรือ (มีหรือด้วยครับ แสดงว่าตีความได้สองนัย) หมายถึงโพชฌงค์ 7 ประการ

ดอกบัวที่ผุดขึ้นรองรับพระบาท หมายถึงท่านผู้นี้จะเป็นผู้บริสุทธิ์จากกิเลสโดยสิ้นเชิง (หมายเหตุ ในพระไตรปิฎก ไม่พูดถึงดอกบัว ดอกบัวนี้เพิ่มมาภายหลัง)

การที่ทรงเปล่งอาสภิวาจา หมายถึง ท่านผู้นี้จะได้ประกาศสัจธรรมที่ยังไม่เคยมีใครประกาศมาก่อนเลย ฯลฯ

นี้คือการหาทางออก เพื่อไม่ให้ชาวพุทธอึดอัดใจเมื่อมีใครซักถาม แต่ขอกราบเรียนว่า คำตอบนั้นมีอยู่แล้วในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสเล่าให้พระสาวกของพระองค์เอง พวกเราชาวพุทธอ่านไม่ละเอียดเอง

จากข้อความในพระไตรปิฎก แสดงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นได้จริง มิใช่สัญลักษณ์แต่อย่างใด

ในพระไตรปิฎก ได้เล่าเหตุการณ์พิเศษต่างๆ ดังกล่าวมาข้างต้น แล้วท่านก็สรุปลงด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า “นี้เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์

ท่านบอกเราว่า เหตุการณ์พิเศษต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องธรรมดาของพระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระโพธิสัตว์คือผู้บำเพ็ญบารมีมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว ท่านย่อมมี “ธรรมดา” ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป

ถามว่าเรื่องอย่างนี้เป็นปาฏิหาริย์ไหม ตอบว่าไม่ใช่ เป็นอิทธิฤทธิ์ไหม ตอบว่าไม่ใช่ “มันเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์”

“ธรรมดาของนกย่อมบินได้” ท่านเห็นนกบินได้ท่านอัศจรรย์ไหม เปล่าเลย มันธรรมดาของมัน ถ้าถามว่า ทำไมนกมันบินได้ คำตอบที่ถูกต้องที่สุดก็คือ “มันเป็นธรรมดาของนกมัน” นกบินไม่ได้สิผิดธรรมดาแน่ๆ ใช่ไหมครับ

เพราะฉะนั้น เหตุการณ์เกี่ยวกับการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ขอให้เข้าใจว่า ก็คือเหตุการณ์ธรรมดาๆ นั้นเอง ไม่ใช่เรื่องประหลาดมหัศจรรย์อะไร เพียงแต่เป็นธรรมดา ที่ไม่ทั่วไปสำหรับสามัญชนอื่นๆ เท่านั้นเอง

ผมเคยอ่านบันทึกจากกินเนสส์บุ๊ก (คนอื่นเขาลอกมาให้อ่านอีกที) บันทึกไว้ว่า มีเด็กชายสองคนชื่อ เจมส์ ซิดิส คนหนึ่ง คริสเตียน ไฮเนเก้น อีกคนหนึ่ง เป็นอัจฉริยมนุษย์ โดยเฉพาะ คริสเตียน ไฮเนเก้น เกิดมาแปดสัปดาห์พูดได้ ปาฐกถาเรื่องอภิปรัชญาชั้นสูง ให้ที่ประชุมนักปราชญ์ทั้งหลายฟัง ทึ่งไปตามๆ กัน ว่าทำได้ไง

กินเนสส์บุ๊ก เป็นที่รู้กันว่าบันทึกเรื่องจริง ไม่โกหกเราแน่นอน สมัยนี้ เด็กเกิดมาแปดสัปดาห์พูดได้ ก็มีแล้ว ย้อนหลังไปสองพันห้าร้อยกว่าปี เจ้าชายแห่งราชวงศ์ศากยะ ทันทีที่เกิดมาก็พูดได้ จะต่างอะไรล่ะครับ

อย่าคิดแต่เพียงว่า เป็นไปไม่ได้ๆ สมัยนี้มีกี่หมื่นกี่แสนอย่างที่เราไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ มันเป็นไปได้แล้วทั้งนั้น

สรุปแล้ว บุคคลแรกที่พูดได้ทันทีที่เกิด คือเจ้าชายสิทธัตถะ พระราชกุมารแห่งศากยวงศ์ ต่อมาก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดาเอกแห่งโลกนั้นแล



 
ถ้าอย่างนั้นก็     
นกบินได้เป็นธรรมชาติเป็นธรรมดาของนก  พระโพธิสัตว์เป็นอย่างนั้นก็เป็นธรรมชาติธรรมดาของโพธิสัตว์  ปลาหายใจในน้ำได้ก็เป็นธรรมดาของปลา   กุศลจิตมีสภาพอย่างนั้นก็เป็นธรรมชาติของกุศลจิต  อกุศลจิตมีสภาพอย่างนั้นก็เป็นธรรมดาของอกุศลจิต  ไตรลักษณ์มีลักษณะสามอย่างก็เป็นธรรมดาของไตรลักษณ์ รูปนามมีสภาพอย่างนั้นก็เป็นธรรมดาของรูปนาม   ปุถุชนมีกิเลสก็เป็นธรรมดาของปุถุชน   ทั้งนั้น  เป็นอย่างนั้นมันก็เป็นอย่างนั้น   ส่วนใครจะเชื่อไม่เชื่อก็เป็นธรรมดาของเขา
      
       ธรรมดา      อาการหรือความเป็นไปแห่งธรรมชาติ;  สามัญ,   ปกติ,   พื้นๆ
    
       ธรรมชาติ   ของที่เกิดเองตามวิสัยของโลก   เช่น  คน  สัตว์  ต้นไม้  เป็นต้น

ทุกวันนี้  ก็มีคนเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเกิดในประเทศไทย  ไม่เชื่อว่าเกิดที่ชมพูทวีปคืออินเดียปัจจุบันแล้ว
  

เฉพาะประเด็นนี้ มี กท. 1 ถาม

ทำไม พระพุทธเจ้าเกิดมาเดินได้ทันที ไม่ถูกมองว่า เป็นงานเขียนของ 18 มงกุฎ ที่จับปากกาดินสอขึ้นมาเเล้วก็จินตการเขียนไปตามเรื่องตามราวครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งดใช้บริการ

  https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3724456 https://www.facebook.com/photo/?fbid=491527119790156&set=a.433526435590225 https:...