วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

คติอิสลามต่อเพศหญิง



ถ้ามองมุมที่พูด ก็แปลว่า อิสลามชายมีคติต่อเพศหญิงแค่หลุมบำบัดกามตัณหาเปลื้องความใคร่เท่านั้น

ฟังจากปากเขาเอง


(ถอดคำพูดเขามาหน่อย)

...เยอะสุด จริง นบีมูฮำหมัดภรรยาเยอะที่สุด ในบรรดาศาสดาโลกที่มีชื่อสำคัญๆ
พระพุทธเจ้ามีกี่คน ? มีคนเดียวแล้วก็ทิ้งกันไป นะครับ เพราะว่าตอนหลังออกบวช

พระเยซูตามความเชื่อของคริสเตียนมีไหม ? ไม่มี

แต่นบีมูฮำหมัดมีกี่คน ? มีกี่คน ? รวมทั้งหมดเลย มี ๑๒ คน เยอะไหม ? เยอะ พุทธก็ตำหนิ พระนี่เขียนหนังสือตำหนิ มีเมียเยอะมียังไง แบบไหน
นบีไม่ใช่ประเภทที่ไปเดินอยู่ตามสยาม เจอคนนี้แล้วก็ชี้ ชอบ ไม่ใช่ อิสลามอะไรไม่บาป ก็คือไม่บาป อย่าเอาทัศนคติแบบพุทธเข้ามามีอิทธิพลในวิถีของมุสลิม นะครับ อัลเลาะห์เป็นผู้สร้างมนุษย์มา อัลเลาะห์พอใจที่มนุษย์เสพในความงามของสิ่งที่พระองค์สร้าง นี่คือคติของอิสลาม อัลเลาะห์เป็นผู้สร้างมนุษย์มาให้มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ... อัลเลาะห์พอใจที่มนุษย์ใช้สอยสิ่งที่พระองค์สร้าง และพอใจในสิ่งที่พระองค์สร้าง นี่เป้าหมายของพระอัลเลาะห์ ให้มันอยู่ในกรอบ อัลเลาะห์สร้างสัตว์มา อัลเลาะห์พอใจที่บ่าวของพระองค์ได้กินสัตว์ ได้กินอาหารที่พระองค์ประทานลงมา ไม่ใช่ว่าไปถือคติว่า ไม่ได้เรา.

(พูดด้วยความภาคภูมิใจมั่นอกมั่นใจในนบี แต่ว่าก็ว่าเถอะ ทำไมต้องชี้เป้าไปที่อัลลอฮฺ โยนเรื่องเซ็กซ์ไปให้พระเจ้า ทั้งๆที่ตัวเองเสพสมอยู่แท้ๆ ไม่เข้าใจ ก็รับสะตรงๆก็สิ้นเรื่องว่าเสพกามแล้วมีความสุข มันเป็นกามสุข สุขสัมผัสทางเนื้อทางหนัง แค่นี้จบ ยิ่งเป็นเด็กสาวด้วยแล้วสวรรค์ประทานให้อย่างว่า)

รับกันกับคำพูดผู้นำอิหร่าน "ผู้หญิงไม่ใช่คน เป็นเพียงสัตว์ป่าที่อัลเลาะห์สร้างขึ้นมาเท่านั้นเอง"



(เหน็บอาวุธที่เอว. นึกภาพก็พอเห็นว่า ยุคสมัยที่ลัทธิอิสลามเกิดในถิ่นทะเลทราย เป็นยุคที่คนในถิ่นนั้นแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า แล้วทำไง ? ก็ต้องรบกัน ผู้ชายออกรบ รบกันก็เสียชีวิตด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็เหลือแต่ผู้หญิง ตอนนี้เองที่ผู้ชายต้องคุ้มครองเหล่าสตรี แล้วไง ก็ดีนี่ มีคนดูแล อ้าว ก็เอาทำเมียดิ เรื่องก็เท่านี้ ก็จึงเป็นประเพณีถูกถ่ายทอดสืบๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่น)

อ่านคคห.ล่างเขาพูดได้ตรงประเด็น


ตามประวัติศาสตร์ทั่วโลก บรรดาจักรพรรดิราชา จะมีเมียเยอะเป็นเรื่องปกติ   แต่กับเด็ก 6 ขวบนิ ตามประวัติศาสตร์ปรากฏมีแค่คนเดียว แถมเป็นถึงศาสดาด้วย

การทำสงครามย่อมมีผู้แพ้ผู้ชนะ ผู้ชนะย่อมได้ทุกอย่าง หนึ่งในนั้นคือ "บรรดาเชลย" เชลยไล่ตั้งแต่ครอบครัวเจ้าเมืองยันไพร่บริวาร   เท่าที่จะต้อนไปได้   

อยากถามว่า "นอกจากศาสดาอาหรับแล้ว"  ในประวัติศาสตร์มีจักรพรรดิราชาองค์ไหนบ้าง "ทั่วโลก" ที่เอาเชลยเด็กอายุประมาณ 6-7 ขวบทำเมีย เด็ก 6-7 ขวบเมื่อราวๆ 30 ปีก่อน  ยังวิ่งแก้ผ้าเล่นกับเด็กผู้ชายอยู่เลย   

พูดง่ายๆก็คือ "ยังไม่รู้ปะสีปะสาอะไร" มันยังชอบผู้ชายไม่เป็นเลย  ไม่ต้องย้อนไปถึง 1000 ปีหรอก สมัยนี้ยังพอเข้าใจ เพราะกาลสมัยและยุคมันเปลี่ยนไป

ถ้าจิตคุณไม่ต่ำจริง   คุณจะไม่จับเด็ก 6 ขวบกินขนมแต่งเมีย แล้วรีบมีอะไรกันตอน 9 ขวบอย่างแน่นอน  (9 ขวบนี่  ตามบันทึกที่ศาสดาพูด แต่เอากันจริงๆตอนไหนบ้างก็ไม่รู้ เพราะแต่งกันแล้ว)  

พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ชายส่วนใหญ่ทั่วไปที่มี "จิตสำนึกสูง  มีความเป็นมนุษย์สูง" เขาทำกันไม่ลง อย่างน้อยๆ ปล่อยให้มัน 15-16 ก็พอเข้าใจอยู่น่ะ แต่นี่ล่อเด็กเลย

เด็กอายุ 6 ขวบ  (ไม่รู้ปะสีปะสาอะไร)  ตกอยู่ในฐานะเชลย พ่อแม่ล้มตาย สิ้นหนทางต่อรองใดๆ  "การแต่งงาน"    จึงตกอยู่ในฐานะ    "ผู้ถูกเลือก"   และต้องจำยอม   ต่อผู้ชายรุ่นราวคราวปู่ที่เพียบพร้อมไปด้วยอำนาจเงินทอง   

สุดท้าย   "กลายเป็นแบบอย่างค่านิยมหรือความถูกต้องในหมู่ผู้ชายมุสลิมที่มีเงินทอง"   ไปซะงั้น...

เชื่อว่าผู้หญิงมุสลิมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้    แต่เนื่องด้วยตัวบทคำสอน   ทำให้ผู้หญิงมุสลิมในโลกมุสลิม ไม่กล้าออกมาเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ ให้กับผู้หญิงด้วยกันเองได้

คิดไปคิดมา มันคล้ายๆกับกรณีพ่อแม่ขายลูกสาวให้กับซ่องเมื่อหลายปีก่อนน่ะ คือ เด็กไม่รู้เรื่องอะไร แต่พ่อแม่เห็นแก่เงิน    เห็นแก่ความสบาย  เพราะความไม่รู้ปะสีปะสา   เด็กก็ต้องยอมไป  ขัดต่อพ่อแม่ไม่ได้

สมแล้วกับการตกเป็นทาสเป็นบ่าว  ยุคทาสค่อยๆ หมดไป  แต่ในสังคมมุสลิมยังคงดำรงอยู่ต่อไปตาม "คำภีร์


สาวกปัจจุบันแก้ให้ว่า

รู้ทั้งรู้ว่าศาสดาทิ้งลูกเมียทิ้งบ้านเมืองไป หาความสุขใส่ตน บอกว่าหาทางหลุดพ้น ไม่เห็นจะมีใครหลุดพ้นสักคนเลยนิห แถมคำสอนผิดต่อความเป็นธรรมมนุษย์อีก แล้วมาบอกตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่ออะไร
ส่วนศาสนาที่แต่งงานกับสาว 9 ขวบก็จริง แต่เด็ก 9 สมัยนั้นเหมือนสาว18-20 สมัยนี้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชัดเจน และหลังฐานไม่จริงคนสมัยนั้นคงไม่นับถือหรอกมั่ง ขนาดคนศาสนาอื่นสมัยนั้นที่เกลียดศาสดา ยังไม่ว่าอะไรกับการแต่งสาว 9 ขวบ เพราะ 9 ขวบสมัยนั้นเหมาะกับการแต่งงานแล้ว



เมื่อความเชื่อถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ศาสนาไว้ในลัทธิศาสนาแล้ว สาวกก็ต้องปฏิบัติตามคัมภีร์ ทำนองความเชื่อเรื่องวรรณะของฮินดู เมื่อฝ่ายชายเป็นฝ่ายปกครองก็ต้องคงความเชื่อไว้เพื่อกดเพศหญิงไว้บำเรอกามชายชั่วกาลปาวสาน

ยิ่งเคร่งครัดมากเท่าใด ผู้ถูกปกครองก็ถูกกดขี่มากเท่านั้น



เมื่อมันเป็นความเชื่อเป็นประเพณีแล้วหญิงก็ยอมรับ เช่นประเพณีซึ่งถูกสอนต่อๆกันมา เช่น เรื่องผัวเดียว เมียสี่ห้าคน ไม่รับก็บาป พระเจ้าไม่โปรดปราน


บังคับขายเด็กหญิง


ทำไมต้องอิจฉาอิสลามที่สามารถมีเมีย 4 คนและสามารถเอาเด็ก 9 ขวบทำเมียด้วยคะ ทุกคนก็พึงประสงค์ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา แล้วจะอิจฉากันทำไม?








    ประเพณีไทย  เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร  แต่ประเพณีมุสลิม   มีผัวก็แบ่งกันใช้  ผู้หญิงมุสลิมถูกสอนมาอย่างนั้นแต่อ้อนแต่ออก  เขาจึงรับได้  









อิสลามเกิดในช่วงสงคราม ช่วงที่ผู้ชายเป็นใหญ่


หมอแว ประกาศข่าวดี ได้ลูกชายคนที่ 25 จากภรรยาคนที่ 3 โซเชียลคอมเมนต์สนั่น วอนไม่ดราม่า

นพ. แวมาฮาดี แวดาโอะ อดีต ส.ส.นราธิวาส ประกาศข่าวดีผ่านเฟซบุ๊ก
"ต้อนรับลูกชาย ลูกคนที่ 25 จากภรรยาคนที่ 3"
หมอแวยังบอกอีกว่า "ใครที่ยังมีลูกน้อยให้รีบมี ใครที่ยังไม่แต่งงาน จงรีบแต่งงาน ลูก ๆ จะได้ช่วยกันขอดูอาร์ให้ท่าน"



ประมูลผู้หญิง


คติแง่มุมต่างๆต่อเพศหญิงของมุสลิม









"โองการกำราบเมีย"
โองการนี้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน ออกมาจัดการเมียนบีมูฯ หลังจากเมีย 2 คน (อาอิชะห์+ฮัฟเซาะห์) ไม่พอใจที่มูฮำหมัดเอาเมียทาสคนใหม่มานอนในบ้าน (หลังจากที่มีเมียเดิมเป็นโหลแล้ว) จึงร่วมกันแข็งข้อจนเขาต้องหนีเมียไปอยู่ถ้ำเป็นเดือน
โองการนี้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ "คำสอน" ในคัมภีร์ที่สาวกต้องท่องจำ และหลายคนนำมาใช้กำราบเมียตัวเองต่อ เมื่อต้องการเอาเมียเพิ่ม โดยเมียเดิมไม่ยินยอมพร้อมใจ
แต่ถ้าเมีย  (คนที่เริ่มเก่า)  ของมูฮำหมัดไม่โวย ก็คงไม่มี "โองการ[กำราบเมีย]" มาขู่ว่าจะให้เขาหย่าพวกเธอและจะหาเมียใหม่ที่หัวอ่อนกว่าพวกเธอ 2 คน


ญาติขอความเป็นธรรม สาวถูกแฟนต่างชาติโยนลงตึกดับที่โอมาน

https://www.facebook.com/onenews31/posts/5519866754768421




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งดใช้บริการ

  https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3724456 https://www.facebook.com/photo/?fbid=491527119790156&set=a.433526435590225 https:...