วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

เรื่องหินสีดำ

 

เพื่อความบริสุทธิ์ในการกราบเคารพบูชาอัลลอฮ์ตะอาลา ทุกๆครั้งในการทำละหมาด ตามทิศทาง "กิบละฮฺ"





ภาพการทำชิริกของมุสลิมในพิธีฮัจจเป็นที่น่าเศร้าใจที่มุสลิมในปัจจุบัน นำพิธีกรรมของอรับผู้บูชาเจว็ดมาปฏิบัติ

การยอมให้หินดำ (ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد‎/อัลฮาจะรุ อัลอัสวัด) ติดตั้งอยู่ในมัสยิดอัลฮะรอมนี้ เป็นความรับผิดชอบของมุสลิมทุกๆคนทั่วโลก

การจูบหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد‎/อัลฮาจะรุ อัลอัสวัด) ที่มุสลิมแย่งกันจูบเมื่อเวลาไปประกอบพิธีฮัจจฺ ที่ประดิษฐานอยู่ที่มุมทางทิศตะวันออกของกะอ์บะห์ ในใจกลางของมัสยิดอัลฮะรอม ในนครเมกกะประเทศซาอุดิอารเบียนั้น เป็นพิธีการบูชาเจว็ดของชาวอรับ ก่อนศาสนาอิสลาม หรือ 5 ปีก่อนที่ท่านศาสดามูฮัมมัด จะได้รับอัลกุรอานและก่อนการประกาศศาสนาอิสลาม หินดำนี้เคยเป็นวัตถุบูชาของอรับบูชาเจว็ดมาหลายศตวรรษก่อนสมัยของท่านศาสดามูฮัมมัด และการจูบหินดำก็เป็นพิธีการหนึ่ง ในการบูชาวัตถุของชาวอรับก่อนการกำเนิดของศาสนาอิสลามในปัจจุบัน บรรดามุสลิมสัมผัสและจูบหินดำนั้น กระทำในระหว่างพิธีฮัจจฺ

บทบาทของหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد‎/อัลฮาจะรุ อัลอัสวัด) ในพิธีฮัจจฺนั้นก็คือ เป็นเครื่องหมายครบรอบหนึ่งในการเดินรอบๆกะอ์บะห์(เตาวัฟ) เมื่อมุสลิมเดินครบรอบ เขาจะต้อง จูบ หรือ สัมผ้ส หรือ ชี้ไปที่หินดำ แล้วแต่ความสะดวก เท่าที่จะทำอย่างหนึ่งอย่างใดได้ พร้อมกันนั้นก็กล่าวว่า "อัลลอฮุอักบัร" (พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่) เมื่อมาถึงตรงนี้ นักวิชาการทางศาสนาอิสลามอธิบายว่า "หินดำเป็นแค่เครื่องหมายที่ช่วยในการนับรอบเท่านั้น" ไม่มีความสำคัญในพิธีการฮัจจฺแต่อย่างใดเลย แต่คำอธิบายนี้หาได้สมกับเหตุผลและการปฏิบัติของมุสลิมที่ไปประกอบพิธีฮัจจฺไม่

1. ประการแรกทีเดียว ก้อนหินดำนี้เป็นวัตถุบูชาของอรับบูชาเจว็ดมาก่อนศาสนาอิสลามและการได้รับอัลกุรอานมาหลายศตวรรษ

2. ตามฮาดีษ ท่านศาสนฑูตมูฮัมมัด จูบหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد‎/อัลฮาจะรุ อัลอัสวัด) นี้ ก่อนที่ท่านจะได้รับอัลกุรอาน และรู้จักอัลลอฮ์ นั้นก็คือก่อนที่ท่านจะเป็นมุสลิม

3. มีฮาดีษสนับสนุนความสำคัญ ของ หินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد‎/อัลฮาจะรุ อัลอัสวัด)และความสัมพันเกี่ยวข้องกับ "อัลลอฮ์ตะอาลา" แสดงว่า หินดำนี้มีส่วนในพิธีกรรมฮัจจฺ




ไปฮัจญ์ตามปีงบประมาณเนื่องจากความไม่สงบ
ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบฯ ที่ได้รับคัดเลือกไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ของ ศอ.บต. ตื้นตัน หลังได้ ปฏิบัติศาสนกิจ ณ มัสยิดอัลนะบะวีย์

คณะผู้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ตามกิจกรรมสนับสนุนการประกอบพิธีอุมเราะห์ แก่ผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ 2564 ฮิจเราะห์ศักราช 1443 ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ได้ปฏิบัติศาสนกิจ ณ มัสยิดอัลนะบะวีย์ ซึ่งเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ และมีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของศาสนาอิสลาม รองจากมัสยิดอัลฮารอม ที่นครมักกะฮ์ เป็นมัสยิดที่สร้างในสมัยท่านนบีมูฮัมหมัด หลังจากท่านฮิจเราะฮ์ (อพยพ) จากนครมักกะฮ์สู่นครมาดีนะห์ โดยคณะที่ ร่วมโครงการของ ศอ.บต. ต่างซาบซึ้งใจและกล่าวด้วยน้ำตาว่า ดีใจเป็นอย่างมากที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสมาเยี่ยมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และได้มาปฏิบัติศาสนกิจ ณ มัสยิดที่มีความสำคัญ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาส เมื่อกลับถึงไทยแล้วทำให้อยากพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ตามแบบอย่างของท่านนบีมูฮัมหมัด
นอกจากนี้คณะผู้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ ยังได้ดื่มน้ำซัมซัมเพื่อความเป็นสิริมงคล และเปี่ยมไปด้วยคุณค่าอันมหาศาลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยแคลเซียมและแมกนีเซียม รวมทั้งฟลูออไรด์จากธรรมชาติที่ช่วยในการฆ่าเชื้อโรคอีกด้วย

ภาพ/ข่าว ศอ.บต.
ที่มา : Yala ToDay ยะลา ทูเดย์


อ่านประวัตินบีประกอบหัวข้อล่าง




หวั่นน้ำท่วมมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดของกัวลาลัมเปอร์ (มีคลิป)

กัวลาลัมเปอร์ – มัสยิด Jamek ซึ่งเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นสัญลักษณ์ของกัวลาลัมเปอร์ ต้องประสบอุทกภัยเช่นเดียวกัน โดยอุสตาซอะเหม็ด ซุ้ลฟัดลิ และอุสตาซ ลุกมาน อับดุล มะญีด ได้อัปโหลดวิดีโอคลิปขึ้นบนทวิตเตอร์ทางการของมัสยิด แสดงให้เห็นภาพน้ำท่วมมัสยิด สุลต่าน อับดุล ซอมัด ญาเมก








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งดใช้บริการ

  https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3724456 https://www.facebook.com/photo/?fbid=491527119790156&set=a.433526435590225 https:...