https://www.facebook.com/photo/?fbid=741893811301393&set=a.4555985291084991
ในช่วงปีที่ 6 หลังจากฮิจเราะห์ อาณาจักรของอิสลามเริ่มขยายใหญ่โตเป็นปึกแผ่นขึ้นมาก มูฮัมหมัดได้ส่งจดหมายเชื้อเชิญเข้ารับอิสลามให้กับเหล่าบรรดาหัวเมืองใหญ่น้อยโดยรอบ หนึ่งในนั้นคือส่งถึงเจ้าเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ และเจ้าเมืองอเล็กซานเดรียได้ส่งสารขอบคุณและได้ส่งของขวัญบางส่วนกลับมาเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งในของขวัญนั้นมีทาสสาวพี่น้องชาวคริสต์คอปติกมาเรียห์และซีรีนห์อยู่ด้วย มูฮัมหมัดได้มอบซีรีนห์ให้กับหนึ่งในซอฮาบะห์ และได้มอบมาเรียห์ให้กับฮัฟเซาะฮ์ 1 ในภรรยาของเขาไว้ใช้งานในบ้าน
วันหนึ่งซึ่งเป็นเวรปรนนิบัตรนบีของฮัฟเซาะฮ์ นบีได้มาหานางที่บ้านและพบกับมาเรียอีกครั้ง นบีเกิดความสนใจในตัวมาเรียห์ขึ้นมาจึงออกอุบายบอกกับฮัฟเซาะฮ์ไปว่า พ่อของนางกำลังตามตัวอยู่ ฮัฟเซาะฮ์ออกจากบ้านไปที่บ้านอุมัรแต่ไม่พบกับพ่อของนางอยู่ที่นั่น จึงได้รีบกลับมาที่บ้านตัวเองกลับพบว่าสามีกำลังร่วมเตียงกับทาสของนางอยู่ในขณะนั้น
นบีอ้างว่านางทาสนี้เป็นที่อนุมัติแก่ตนเองแล้วตาม กุรอ่าน 33:50 "โอ้ นะบีเอ๋ย! เราได้อนุมัติแก่เจ้าในบรรดาภริยาของเจ้า ซึ่งเจ้าได้มอบมะฮัรแก่พวกเธอ และ **สิ่งที่มือขวาของเจ้าครอบครอง** (ทาส) ... ที่จะไม่เป็นที่ลำบากใจแก่เจ้าและอัลลอฮฺเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ"
แต่ฮัฟเซาะฮ์ยังคงรู้สึกโกรธเป็นอันมาก เนื่องจากมาเรียนั้นเป็นทาสของนางไม่ใช่ของนบี และวันนั้นเป็นเวรของนาง แต่นบีกลับมาร่วมเตียงกับทาสของนางในวันของนางบนเตียงของนางในบ้านของนางเอง นบีจึงปลอบนางโดยให้สัญญาว่าถ้านาง "ไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรับรู้อีก" ต่อไปนบีกำหนดจะให้มาเรียมไม่อนุมัติแก่ตัวท่านเองอีกต่อไปแล้ว จึงคลายคำกังวลของฮัฟเซาะฮ์ไปได้
หากแต่ผ่านมาอีกไม่นานฮัฟเซาะฮ์ได้มาพบว่าน้าบีร่วมเตียงกับทาสของนางซ้ำอีก นบีแก้ตัวว่าได้มีกุรอานประทานลงมาใหม่ ยกเลิกคำสัญญาที่นบีได้ให้ไว้กับนางไปแล้ว กุรอ่าน 66:1-2 "โอ้นะบีเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงห้ามสิ่งที่ **อัลลอฮฺได้ทรงอนุมัติ** แก่เจ้า เพื่อแสวงหาความพึงพอใจบรรดาภริยาของเจ้าเล่า? .... แน่นอนอัลลอฮฺได้ทรงกำหนดแก่พวกเจ้าแล้วในการ **แก้คำสาบาน** ของพวกเจ้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ"
ในวันต่อๆมาหลังจากนั้น นบีพบว่าเหล่าบรรดาภรรยาแสดงท่าทีบึ้งตึงต่อตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาอิชะห์และฮัฟเซาะฮ์ นบีรู้ได้ทันทีว่าฮัฟเซาะฮ์ได้เอาเรื่องที่นบีแอบกินตับสาวใช้ไปเล่าให้บรรดาภรรยาคนอื่นๆฟังด้วยหมดแล้ว
นบีจึงได้ไปเผชิญหน้ากับฮัฟเซาะฮ์อีกครั้งเพื่อสอบถามว่า ฮัฟเซาะฮ์เองที่เผยแพร่เรื่องราวนี้ใช่ไหม? ฮัฟเซาะฮ์แย้งว่านบีรู้ได้ยังไง? นบีก็บอกว่าอัลเลาะห์เป็นคนบอกมาเอง กุรอ่าน 66:3 "และจงรำลึกขณะที่ท่านนะบีได้บอกความลับเรื่องหนึ่งแก่ภริยาบางคนของเขา ครั้นเมื่อนางได้บอกเล่าเรื่องนี้ (แก่คนอื่น) และอัลลอฮฺได้ทรงแจ้งเรื่องนี้แก่เขา (ท่านนะบี) เขาก็ได้แจ้งบางส่วนของเรื่องนี้ และไม่แจ้งบางส่วน ครั้นเมื่อเขา (ท่านนะบี) ได้แจ้งเรื่องนี้แก่นาง นางได้กล่าวว่า ใครบอกเล่าเรื่องนี้แก่ท่าน ? เขา (ท่านนะบี) กล่าวว่าพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงตระหนักยิ่ง ทรงแจ้งแก่ฉัน" ***ลงท้าย *ฉัน* ได้ยังไง กุรอ่านมันเป็นคำของพระเจ้าไม่ใช่เรอะ?***
ฮัฟเซาะฮ์ตกใจมากที่อัลเลาะห์แจ้งความลับแก่นบี หลังจากนั้นนบีจึงได้เรียกรวมเหล่าภรรยาและประทานกุรอานบทกำราบภรรยาขึ้นมา อัลเลาะห์จะมอบเมียใหม่ที่ดีกว่าพวกเจ้าให้แก่นบี หากนบีหย่าพวกเจ้าเสีย กุรอ่าน 66:5 "หากเขาหย่าพวกนาง บางทีพระเจ้าของเขาจะทรงเปลี่ยนแปลงให้แก่เขามีภริยาที่ดีกว่าพวกนาง เป็นหญิงที่นอบน้อมถ่อมตน เป็นหญิงผู้ศรัทธา เป็นหญิงผู้ภักดี เป็นหญิงผู้ขอลุแก่โทษ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการอิบาดะฮฺ เป็นหญิงผู้มั่นต่อการถือศิลอด เป็นหญิงที่เป็นหม้าย และที่เป็นหญิงสาว"
หลังจากเหตุการณ์นี้นบีได้ยกเลิกเวรที่จะหมุนเวียนไปตามบ้านภรรยาไปถึง หนึ่งเดือน และใช้ช่วงเวลานั้นไปอยู่กับมาเรียห์แทน นางไม่ได้อยู่รวมกับภรรยาคนอื่นๆของนบีในเมืองมะดีนะห์ แต่มีบ้านสวนอยู่ที่ชานเมืองแทน นางเป็นคนเดียวในหมู่ภรรยา (หลังจากนางเคาะดีญะฮ์ตายไป) ที่ตั้งท้องกับนบี จนกระทั่งให้กำเนิดบุตรชาย "อิบราฮิม" ขึ้นมานางจึงได้เป็นไท หากแต่เด็กชายตายตั้งแต่อายุน้อยในภายหลัง นักวิชาการส่วนหนึ่งไม่ได้ยอมรับนางเป็นหนึ่งในภรรยาของนบี เนื่องจากไม่พบว่ามีการนิกะห์กันชัดเจน นางน่าจะเป็นเพียง นางสนม/นางบำเรอ/เมียเก็บ/เมียน้อย อะไรแบบนั้นมากกว่า จึงไม่ถือเป็น "มารดาแห่งผู้ศรัทธา" เหมือนภรรยาคนอื่นๆของนบี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น