“ทหารรัสเซียที่ตายในสงครามจะได้รับการชำระล้างบาป”
ผู้นำคริสตจักรในรัสเซียปลุกใจทหารเกณฑ์
พระอัครบิดรคีริลล์ (Patriarch Kirill) แห่งมอสโก ผู้นำคริสตจักรออร์โธดอกซ์ในรัสเซีย ซึ่งเพิ่ง ‘รับรอง’ การบุกยูเครนของประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ออกมากล่าวสุนทรพจน์ต่อชาวรัสเซียอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีปูตินประกาศระดมทหารกองหนุนกว่า 3 แสนคนเพื่อสู้รบในสงครามยูเครน
“ความเต็มใจในการเสียสละเป็นการแสดงออกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติพึงกระทำ วันนี้ เรารู้แล้วว่ามีคนจำนวนมากต้องตายในสมรภูมิ ทางศาสนจักรขออธิษฐานให้ศึกครั้งนี้จบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และขออธิษฐานให้มีพี่น้องเราถูกสังหารอย่างน้อยที่สุด ในสงครามแห่งภราดรภาพครั้งนี้”
ขณะเดียวกัน พระอัครบิดรคีริลล์ยังได้ระบุอีกว่า ใครที่ออกไปต่อสู้แล้วเสียชีวิต การตายของพวกเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นการ ‘เสียสละ’ และบาปทั้งหมดจะได้รับการชำระล้าง
“พระศาสนจักรตระหนักดีว่า หากใครปฏิบัติตามหน้าที่และภักดีต่อคำสาบาน ทั้งยังคงแน่วแน่ต่อการปฏิบัติหน้าที่ หากเป็นเช่นนั้น บุคคลที่ตายขณะปฏิบัติหน้าที่นี้ ย่อมบรรลุผลสำเร็จอันเท่ากับการ ‘เสียสละ’ อย่างยิ่งใหญ่ อย่างไม่ต้องสงสัย และถือเป็นการเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริง
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเชื่อว่าผู้ที่เสียสละจะได้รับการชำระล้างบาป” ขณะเดียวกัน พระสังฆราชคีริลล์ยังกล่าวด้วยว่า เขาภาวนาตลอดเวลาให้สงครามจบลงโดยเร็ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียเริ่มระดมกำลังทหารครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเกณฑ์พลเมืองให้สู้รบในยูเครน โดยปูตินได้ประกาศแผนการระดมกำลังสำรอง 3 แสนนายเติมเข้าไปในยูเครน โดยจัดลำดับจากผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านการทหารก่อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ เขายังลงนามในกฎหมายฉบับใหม่เมื่อวันเสาร์ว่า ทหารที่ ‘หนีทหาร’ หรือปฏิเสธที่จะต่อสู้อาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี
สัปดาห์ที่แล้ว หลังการประกาศระดมพล พระสังฆราชคีริลล์กล่าวในการเทศนาว่า บุคคลที่มีศรัทธาที่แท้จริงจะต้องไม่กลัวความตาย และบุคคลนั้นจะอยู่ยงคงกระพัน เมื่อมีศรัทธาที่แน่วแน่ในตัวเขา และในที่สุด บุคคลผู้นั้นก็จะเลิกกลัวความตาย
“ความหวาดกลัวความตายจะผลักให้นักรบออกจากสนามรบ ผลักผู้อ่อนแอให้ทรยศ กระทั่งกบฏต่อพี่น้องของตน ทว่าศรัทธาที่แท้จริงทำลายความกลัวตาย”
การสนับสนุนของอัครบิดรคีริลล์ต่อการบุกยูเครนได้สร้างความแตกแยกระหว่างสาขาของคริสตจักรออร์โธดอกซ์ของรัสเซีย และปีกอื่นๆ ของออร์โธดอกซ์ทั่วโลก ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิก ประกาศชัดว่าเป็นแกนนำต่อต้านสงคราม และมักจะดูขัดแย้งกับอัครบิดรคีริลล์ในคำปราศรัยสาธารณะต่างๆ รวมถึงเมื่อต้นเดือนนี้ พระองค์ ก็เพิ่งตรัสว่า พระเจ้าจะไม่สนับสนุนสงคราม
https://www.facebook.com/themomentumco/photos/a.1636533129971718/3072492209709129/
แนวความคิดของคนมาจากสิ่งที่เขานับถือ เช่น ศาสนา สภาพแวดล้อม
https://www.youtube.com/watch?v=nlQrclHPWA8
https://www.youtube.com/watch?v=6LHFTZyoMUQ
นายกรัฐมนตรีอินเดีย บอก ประธานาธิบดีปูติน “ตอนนี้ไม่ใช่ยุคแห่งสงคราม”
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_7271011
ชาว "รัสเซีย" เผ่นหนีจนค่าตั๋วพุ่ง ลุกฮือประท้วง หลังปูติน เรียกระดมพล 3 แสน
เปิดเบื้องหลัง รัสเซีย พลาดท่า ทำประชามติ
วันที่ 25 กันยายน นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงประเด็นข่าว ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะไม่เดินทางมาร่วมการประชุมผู้นำเอเปคที่กรุงเทพในเดือนพฤศจิกายนว่า แม้จะเป็นความจริงที่ทำเนียบขาวจะมีการจัดพิธีแต่งงานขึ้น แต่ประธานาธิบดีไบเดนยังคงเห็นความสำคัญของการประชุมเอเปค โดยขณะนี้ ทั้งไทยและสหรัฐฯ กำลังประสานงานเพื่อหาวิธีให้ท่านประธานาธิบดีไบเดนเข้าร่วมการประชุมที่กรุงเทพฯ
ก่อนหน้านี้ ไทยพีบีเอสเวิลด์รายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ จะไม่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กรุงเทพมหานคร ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากเหตุผลด้านครอบครัว
ทำเนียบขาว เพิ่งแจ้งเรื่องดังกล่าวให้สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงวอชิงตัน ทราบว่า รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนสหรัฐฯ ในการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวแทน โดยนางแฮร์ริสจะบินตรงมายังกรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเปคเป็นเวลา 2 วัน
ไทยพีบีเอสเวิลด์รายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ไบเดนจะเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอด จี20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน จากนั้นจะบินตรงกลับไปกรุงวอชิงตัน โดยก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐมีแผนที่จะเดินทางมายังกรุงเทพฯ 1 วัน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเปค
หลังจากยิงจบลง มีการแถลงความรับผิดชอบโดยกองกำลังประชาชนพม่า บอกเหตุผลว่าจำเป็นต้องสังหารบุคคลผู้นี้ เพราะให้คำแนะนำแก่ มิน อ่อง หลาย เรื่องการต่อสู้กับขบวนการประชาชนพม่าบ่อยครั้ง ดังนั้น การยิงครั้งนี้จึงเป็นไปด้วยเหตุผลทางการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น