วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568

MOU คือ อะไร ?

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ MOU 43 และ MOU 44

ช่วงนี้มีการกล่าวอ้างว่า MOU 43 และ MOU 44 เป็นเอกสารที่รัฐบาลไทยในอดีตลงนามโดยมีเจตนาเสียอธิปไตยหรือ “ขายชาติ” ให้กัมพูชา ข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้จากเอกสารทางราชการและคำชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศ มีดังนี้

MOU 43

ชื่อเต็มคือ “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา” ลงนามเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2543 ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย (สมัยที่ 2) โดยมีนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น
วัตถุประสงค์ของ MOU 43 คือการจัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission: JBC) เพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกให้ตรงกันระหว่างไทยและกัมพูชา โดยยึดหลักตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1904 และ 1907

MOU 44

ชื่อเต็มคือ “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในบริเวณไหล่ทวีประหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา” ลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร โดยมีนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
MOU 44 มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกรอบการเจรจาเรื่องการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลร่วมกัน ไม่ใช่การยอมรับเขตแดน หรือการยกกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ใดให้กับกัมพูชา ทั้งนี้เพื่อวางพื้นฐานการแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ปิโตรเลียม ในลักษณะ Joint Development Area (JDA)

ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย

MOU ทั้งสองฉบับเป็นเพียงบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ไม่ใช่สนธิสัญญา และไม่เคยผ่านการให้สัตยาบันโดยรัฐสภาไทย จึงไม่ผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

กระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันเรื่องนี้หลายครั้ง รวมถึงรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญในรัฐสภาก็ระบุชัดว่า MOU 43 และ MOU 44 เป็นเพียงกรอบเบื้องต้นสำหรับการเจรจา ไม่มีผลบังคับใช้ในการยกดินแดนหรือเปลี่ยนแปลงอธิปไตย

แผนที่ 1:200,000 และข้อกล่าวหาเรื่อง “ตัว E”

แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นแผนที่ที่กัมพูชานำมาใช้อ้างสิทธิ์ตั้งแต่คดีปราสาทพระวิหาร ปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่หรือเป็นผลจาก MOU ใด ๆ ในช่วงปี 2543–2544
ข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลไทย “ยอมรับแผนที่ตัว E” ไม่มีหลักฐานรองรับในเอกสารทางการ และการมีพิกัดตัว E (East) ในแผนที่ถือเป็นมาตรฐานปกติของการกำหนดตำแหน่งตามระบบภูมิศาสตร์สากล ไม่ใช่ข้อบกพร่องตามที่ถูกกล่าวหา

อ้างอิง
– กระทรวงการต่างประเทศ: www.mfa.go.th
– รายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบ MOU 43–44, รัฐสภา (ปี 2551)
– คำชี้แจงของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ปี 2552
– รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 178
– รายงานการประชุมคณะรัฐมนตรี 14 มิ.ย. 2543 และ 18 มิ.ย. 2544

https://www.facebook.com/peemai.sirikul.2024


พล.อ.รังษี มองการเจรจา GBC 4 ส.ค.นี้ น่าจะจบลงแบบเดิม






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

  “ฮุน เซน” สวนชาวเน็ตไทย Don’t Thai to me ชอบแซะในโซเชียล ‘ฮุน เซน’ จวก ‘สม รังสี’ อดีตผู้นำฝ่ายค้าน เป็นผู้รักชาติหรือคนทรยศ? ปมยกย่องทัพไ...