วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2565

กฎหมายกดขี่เพศหญิง

 




อิหร่านเริ่มลุกลาม หลังตํารวจศีลธรรมอิหร่าน ตีเด็กวัยรุ่นจนตายฐานคลุมฮิญาบไม่ถูกต้อง 

ประชาชนในเตหะรานลุกขึ้นประท้วง ผู้หญิงถอดฮิญาบโบกไปมา ตะโกนเผด็จการจงพินาศ เราจะต่อสู้จนกว่าผู้หญิงและผู้ชายอิหร่านจะเป็นอิสระ

https://www.facebook.com/100001314693888/videos/1274067093368417





ประชาชนอิหร่านประท้วงรัฐบาล

https://www.youtube.com/watch?v=T_iOTQ6vJdo


https://www.facebook.com/watch?v=628945388639621




https://www.facebook.com/photo?fbid=127280563403255&set=pcb.1150658978857237




https://www.the101.world/death-of-mahsa-amini/?fbclid=IwAR3AkBQSpaUyEgfgIr2OQcQurKwZdGA7Cw6KZs3XjvisHU_DsDSioRjVoYA


คริสเตียน อมันปูร์ นักข่าวอาวุโสของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ยกเลิกการให้สัมภาษณ์กับประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ของอิหร่านที่นครนิวยอร์ก หลังจากที่เขาเรียกร้องให้เธอสวมฮิญาบ หรือผ้าคลุมศีรษะ






https://www.facebook.com/thairath/posts/pfbid02Uactc2W5BmeRPcCR4pVtJB66cN99udBZwsRBMBMn4rx7ZjAHjydtFbpf9n57gzHql


https://www.bbc.com/news/world-middle-east-63000854

การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปี 1979 ไม่เพียงจะเป็นการพลิกโฉมหน้าการเมืองอิหร่าน แต่ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้แก่วิถีชีวิตสตรีชาวอิหร่านด้วย

ช่วงทศวรรษที่ 1930 ในสมัยพระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี การแต่งกายและผมของผู้หญิงชาวอิหร่านตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดของทางการ เพราะมีคำสั่งห้ามการสวมผ้าคลุมศีรษะแบบอิสลาม อีกทั้งยังให้อำนาจตำรวจจับถอดสวมผ้าคลุมของผู้ฝ่าฝืนออกในที่สาธารณะ

ทว่าในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 หลังจากการปฏิวัติ รัฐบาลใหม่ของสาธารณรัฐอิสลามได้ออกข้อบังคับเรื่องการแต่งกายที่กำหนดให้ผู้หญิงทุกคนต้องสวมฮิญาบเมื่อออกนอกบ้าน

นี่คือภาพถ่ายบางส่วนที่สะท้อนให้เห็นชีวิตของผู้หญิงอิหร่านในช่วงก่อนและหลังจากการปฏิวัติ

https://www.bbc.com/thai/international-47183853?fbclid=IwAR3iNVmmRQXF20OeXfHKw9z000dGvZr3Mboex03JOvyk6xTsdY04FN8nlI0



Facebook
















วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565

ประวัติศาสนา

 


49 ประเทศเอเชีย กับ ศาสนา ที่คนนับถือมากที่สุด (ไม่เคยรู้มาก่อนเลย)




ข้อเท็จจริงเหล่านี้อธิบายได้ว่าทำไมจึงมีความเงียบทางประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับชายคนหนึ่งชื่อมูฮัมหมัด หนังสือที่เรียกว่าอัลกุรอาน เมืองที่เรียกว่ามักกะฮ์ และศาสนาที่เรียกกันว่าศาสนาอิสลาม...!!!
ชาวอาหรับ Ghassanids ที่อยู่ในซีเรียเป็นชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ซีเรีย ผ่านชาวเปอร์เซีย Lakhmids ในเปอร์เซียมีจำนวนน้อยกว่า แต่ถูกล้อมรอบด้วยโบสถ์ Nestorian ที่เข้มแข็งและมีอิทธิพล
หลายศตวรรษก่อนหน้านั้น คาบสมุทรอาหรับได้กลายเป็นอีกภูมิภาคหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากศาสนาคริสต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อมันแพร่กระจายไปทั่วตะวันออกกลาง จากนั้นไปยังแอฟริกา ยุโรป อังกฤษ อินเดีย ศรีลังกา เอเชียกลาง เปอร์เซีย อัฟกานิสถาน มองโกเลีย และแม้กระทั่งผ่านไปยังประเทศจีน
ทั้งหมดก่อนการกำเนิดของศาสนาอิสลาม อ่าวเปอร์เซีย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นพวกนอกรีตและเต็มไปด้วยสถานที่จัดบูชานอกรีต แต่ก็มีความคุ้นเคยกับศาสนาคริสต์ในยุคนั้นของการเกิดขึ้นของจักรวรรดิอาหรับ ซีเรียและปาเลสไตน์เป็นคริสเตียนส่วนใหญ่
ประวัติศาสตร์อิสลามโบราณกล่าวว่าบิดาของมูฮัมหมัดถูกเรียกว่า"อับดุลลอฮ์" ซึ่งหมายถึงผู้รับใช้ของพระเจ้า
💥คำนี้จริง ๆ แล้วมีการใช้อย่างแพร่หลายในการทำเหรียญในช่วงครึ่งศตวรรษแรกของจักรวรรดิอาหรับโดยอ้างอิงถึงใครอื่นนอกจากพระเยซูคริสต์...!!!
เหรียญจักรวรรดิอาหรับคือคำว่า MHMT โดยมีเครื่องหมายกากบาทอยู่อีกด้านของเหรียญ นี่เป็นการอ้างถึงวัตถุประสงค์ทางประวัติศาสตร์ครั้งแรกของมูฮัมหมัดซึ่งหมายถึงพระเยซู และเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 7 ภายใต้การปกครองของอับดุลมาลิกในกรุงเยรูซาเลม
Abd al-Malik กำลังเชื่อมโยงคำว่า MHMT ซึ่งหมายถึงผู้ได้รับการสรรเสริญ คือพระเยซูคริสต์แทนที่จะเป็นผู้เผยพระวจนะที่เรียกว่ามูฮัมหมัด
จากส่วนลึกของอาระเบีย เมื่อเวลาผ่านไป ความเชื่อเหล่านี้เกี่ยวกับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพระเจ้าและสถานะที่ด้อยกว่าของพระคริสต์จึงค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นคำสอนหลักของศาสนาอิสลาม
เมื่อมีการแปรสภาพเป็นระบบความเชื่อที่แยกจากกัน วิวัฒนาการของศาสนาอิสลามจากศาสนาคริสต์ในซีเรียมีหลักฐานเพิ่มเติมจากข้อเท็จจริงที่ว่าเนื้อหาจำนวนมากในคัมภีร์กุรอ่านเป็นการโจมตีอย่างรุนแรงต่อสิ่งที่รับรู้ว่าเป็นบาปต่อการปฏิบัติบูชารูปเคารพ
บริบทของอัลกุรอานเห็นได้ชัดว่าเป็นการแบ่งแยกขนาดใหญ่ระหว่างสองเทววิทยาที่คล้ายคลึงกันซึ่งแข่งขันกันเพื่อความจงรักภักดีของชาวอาหรับ
💥ภาษาของอัลกุรอาน คือการคุกคาม การบีบบังคับ และความกลัวที่จะถูกลงโทษเพราะไม่เชื่อฟัง ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น
ประวัติศาสตร์อิสลามแบบดั้งเดิมกล่าวว่าการอ้างอิงและการคุกคามเหล่านี้ส่งถึงผู้บูชารูปเคารพที่อยู่ลึกในอาระเบียรอบ ๆ เมืองมักกะฮ์
เช่นเดียวกับการอธิษฐานต่อนักบุญและทูตสวรรค์ ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติของคาทอลิกไบแซนไทน์ที่พวกเขารับเอามาจากการปฏิบัตินอกรีตของกรีกและโรมัน
การโจมตีมากมายต่อชาวคริสต์ในฐานะชาวคัมภีร์ในคัมภีร์กุรอ่านและการโต้เถียงต่อความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์ภายในมัสยิด Dome of the Rock ในกรุงเยรูซาเล็มที่สร้างขึ้นใน 691AD
เป็นที่ชัดเจนว่ารากเหง้าของศาสนาอิสลาม ถูกฝังอยู่ในสงครามเทววิทยาเพื่อจิตวิญญาณของศาสนาคริสต์ในตะวันออกกลาง
หลักฐานเพิ่มเติมว่าศาสนาอิสลามถือกำเนิดจากการโต้เถียงอย่างโกรธเคืองต่อศาสนาคริสต์ ตรีเอกานุภาพและไม่ใช่กลุ่มคนนอกศาสนาที่อยู่ลึกเข้าไปในคาบสมุทรอาหรับ
💥การเปลี่ยนจากศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาอิสลามที่สมบูรณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงปีค.ศ. 685-800 นักบวชออร์โธดอกซ์อาหรับ จอห์นแห่งดามัสกัส ซึ่งปกครองของเมยยาดในช่วงเวลาของอับดุลมาลิก
อย่างไรก็ตาม ซากดึกดำบรรพ์ของเทววิทยาอิสลามส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่เปอร์เซีย Abbasids เข้าควบคุมจักรวรรดิอาหรับใน 750 AD
และย้ายเมืองหลวงของจักรวรรดิจากกรุงเยรูซาเล็มไปยัง Kufa ในอิรักและจากนั้นไปยังกรุงแบกแดดซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ของพวกเขาในปี 762 AD
💥ทำไมเทววิทยาถึงวิวัฒนาการไปไกลจากรากเหง้าของคริสเตียน...???
คำตอบอยู่ที่ธรรมชาติของอาณาจักรในยุคนั้น อาณาจักรทั้งหมดในประวัติศาสตร์จำเป็นต้องมีเทววิทยาหรืออุดมการณ์ที่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 60 ปีแรก จนกระทั่งราวปีค.ศ. 690 จักรวรรดิอาหรับที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ยังขาดสิ่งที่อาณาจักรอื่นๆ มีอยู่ในยุคนั้น
เทววิทยาที่มีศักยภาพและมีเหตุผลทางการเมืองของการดำรงอยู่และชะตากรรมของมัน จักรวรรดิอาหรับยังคงอยู่ในศาสนาคริสต์ ศาสนาของศัตรูไบแซนไทน์
💥จักรวรรดิอาหรับจึงสร้างศาสนาใหม่และมีชัยขึ้นโดยใช้ภาษาอาหรับ ผู้เผยพระวจนะอาหรับ หนังสืออาหรับ และเมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวอาหรับ การทำให้เป็นอาหรับของศาสนาใหม่จะเป็นปัจจัยกำหนดและรวมเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ในอนาคต
เนื่องจากจักรวรรดิมาจากภูมิหลังของคริสเตียน โดยปริยาย ศาสนาใหม่ของพวกเขาจะสะท้อนถึงเทววิทยาของศาสนาเก่านั้นในหลาย ๆ ด้าน แต่จำเป็นต้องปฏิเสธมันในหลาย ๆ ศาสนาเพื่อที่จะเป็นอิสระจากคริสเตียน
สิ่งนี้อธิบายการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งของอัลกุรอานต่อศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก และความจำเป็นที่อิสลามต้องทำสงครามกับยุโรปคริสเตียนอย่างไม่ลดละในอีก 1,400 ปีข้างหน้า
ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในทวีปยุโรปแสดงถึงภัยคุกคามต่อคำกล่าวอ้างที่ตรงข้ามกับความจริงของอิสลามอย่างแจ่มแจ้ง
การเปลี่ยนแปลงไปสู่ศาสนาใหม่ที่เน้นอาหรับเป็นศูนย์กลางนี้เริ่มต้นอย่างจริงจังภายใต้การนำของอับดุลมาลิก
💥ผู้ซึ่งเปลี่ยนจากพระนามของพระเยซูให้กลายเป็นมูฮัมหมัด
เขาเป็นคนที่บังคับใช้ภาษาอาหรับกับภาษากรีกในอาณาจักรและเหรียญของเขา เขาเป็นคนคิดค้นคำว่าอิสลามผ่านจารึกโดมออฟเดอะร็อคเพื่อสะท้อนถึงเทววิทยาที่แตกต่างของเขา สงครามครูเสดของเขาเพื่อสร้างศาสนาใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์...!!!
ในศตวรรษต่อมาผ่านการเล่าเรื่องตำนานในอดีตผ่านการสร้างวรรณกรรม Hadiths และ Sira ภายใต้การแนะนำของนักวิชาการด้านกฎหมายชาวเปอร์เซียของ Abbasid
จากแหล่งประวัติศาสตร์ทั้งหมดจนถึงสมัยอับดุลอัล- มาลิกและอื่น ๆ นี่คือ 70 ปีเต็มหลังจากที่ “ข้อเท็จจริง” ของการกำเนิดของศาสนาอิสลามควรจะถูกเปิดเผยในแสงสว่างแห่งประวัติศาสตร์
💥 นอกจากนี้ยังอธิบายด้วยว่าเหตุใดหลังจากจุดนี้จึงมีความเงียบอย่างสมบูรณ์เกี่ยวกับบทบาทของเปตราในการก่อตั้งศาสนาใหม่...


https://www.facebook.com/photo/?fbid=567179111832706&set=gm.1519089741854510&idorvanity=238431716586992


แห่ลุยน้ำ


https://www.facebook.com/100034054880128/videos/1932553077085765






















ส่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายคาสิโนถูกกฎหมายของ ‘ก้าวไกล’ ผ่านสายตา ‘สื่อมาเก๊า’





วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2565

เรียนชาวพุทธ

 

ชาวพุทธ​ แดกหมู  4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เรียน ชาวพุทธ สิ่งที่ทำให้พวกท่านเข้าสวรรค์ คือ การเชื่อฟังอัลเลาะห์เท่านั้น เมื่อท่านเชื่อฟังอัลเลาะห์แล้วการประพฤติตัวดีตามแบบที่อัลเลาะห์สอนก็จะตามมา ดังนั้น ขอท่านทิ้งคำสอนโกหกของนายกระเทย สิทธัตถะ เถิด นิพพานสิ่งลวงโลก หรือการอ้างปัญญาเพื่อ​เป็นข้ออ้างปฏิเสธ​ความจริง ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มีความสุข หรือได้เข้าสวรรค์ที่มีอาหารทิพย์อร่อยๆมากกว่าเนื้อสุกร

https://www.youtube.com/watch?v=WyXHzJMPGzg


คนที่นับถือพุทธใช่ว่ากินหมูหมดทุกคน บางคนเขาก็ไม่กิน เนื้อวัวเนื้อควาย บางคนเขาก็ไม่กินแล้วแต่ ขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ละคน เรื่องกินไม่กินไม่มีข้อบัญญัติทางศาสนาเหมือนอิสลามว่าห้ามกินหมูใครถืออิลามก็ไม่กินหมูกัน (แต่คนรุ่นใหม่ปัจจุบันอยู่ในหมูอิสลามด้วยกันก็ไม่กิน แต่เข้าพวกเข้าหมูกับคนพุทธกินหมูก็มี)




เพราะเชื่อว่าจะได้ไปสวรรค์แล้วได้อยู่ร่วมกับนางสวรรค์ ๗๒ นาง และยังพาญาติไปด้วยได้อีก


https://www.facebook.com/100009551271631/videos/616124026810175?idorvanity=800582937198178






ปากีสถาน










วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2565

ศาสนากับการเมือง




“ทหารรัสเซียที่ตายในสงครามจะได้รับการชำระล้างบาป”


ผู้นำคริสตจักรในรัสเซียปลุกใจทหารเกณฑ์

พระอัครบิดรคีริลล์ (Patriarch Kirill) แห่งมอสโก ผู้นำคริสตจักรออร์โธดอกซ์ในรัสเซีย ซึ่งเพิ่ง ‘รับรอง’ การบุกยูเครนของประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ออกมากล่าวสุนทรพจน์ต่อชาวรัสเซียอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีปูตินประกาศระดมทหารกองหนุนกว่า 3 แสนคนเพื่อสู้รบในสงครามยูเครน

“ความเต็มใจในการเสียสละเป็นการแสดงออกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติพึงกระทำ วันนี้ เรารู้แล้วว่ามีคนจำนวนมากต้องตายในสมรภูมิ ทางศาสนจักรขออธิษฐานให้ศึกครั้งนี้จบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และขออธิษฐานให้มีพี่น้องเราถูกสังหารอย่างน้อยที่สุด ในสงครามแห่งภราดรภาพครั้งนี้”

ขณะเดียวกัน พระอัครบิดรคีริลล์ยังได้ระบุอีกว่า ใครที่ออกไปต่อสู้แล้วเสียชีวิต การตายของพวกเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นการ ‘เสียสละ’ และบาปทั้งหมดจะได้รับการชำระล้าง

“พระศาสนจักรตระหนักดีว่า หากใครปฏิบัติตามหน้าที่และภักดีต่อคำสาบาน ทั้งยังคงแน่วแน่ต่อการปฏิบัติหน้าที่ หากเป็นเช่นนั้น บุคคลที่ตายขณะปฏิบัติหน้าที่นี้ ย่อมบรรลุผลสำเร็จอันเท่ากับการ ‘เสียสละ’ อย่างยิ่งใหญ่ อย่างไม่ต้องสงสัย และถือเป็นการเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริง

“นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเชื่อว่าผู้ที่เสียสละจะได้รับการชำระล้างบาป” ขณะเดียวกัน พระสังฆราชคีริลล์ยังกล่าวด้วยว่า เขาภาวนาตลอดเวลาให้สงครามจบลงโดยเร็ว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียเริ่มระดมกำลังทหารครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเกณฑ์พลเมืองให้สู้รบในยูเครน โดยปูตินได้ประกาศแผนการระดมกำลังสำรอง 3 แสนนายเติมเข้าไปในยูเครน โดยจัดลำดับจากผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านการทหารก่อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ เขายังลงนามในกฎหมายฉบับใหม่เมื่อวันเสาร์ว่า ทหารที่ ‘หนีทหาร’ หรือปฏิเสธที่จะต่อสู้อาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี

สัปดาห์ที่แล้ว หลังการประกาศระดมพล พระสังฆราชคีริลล์กล่าวในการเทศนาว่า บุคคลที่มีศรัทธาที่แท้จริงจะต้องไม่กลัวความตาย และบุคคลนั้นจะอยู่ยงคงกระพัน เมื่อมีศรัทธาที่แน่วแน่ในตัวเขา และในที่สุด บุคคลผู้นั้นก็จะเลิกกลัวความตาย

“ความหวาดกลัวความตายจะผลักให้นักรบออกจากสนามรบ ผลักผู้อ่อนแอให้ทรยศ กระทั่งกบฏต่อพี่น้องของตน ทว่าศรัทธาที่แท้จริงทำลายความกลัวตาย”

การสนับสนุนของอัครบิดรคีริลล์ต่อการบุกยูเครนได้สร้างความแตกแยกระหว่างสาขาของคริสตจักรออร์โธดอกซ์ของรัสเซีย  และปีกอื่นๆ ของออร์โธดอกซ์ทั่วโลก ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิก ประกาศชัดว่าเป็นแกนนำต่อต้านสงคราม และมักจะดูขัดแย้งกับอัครบิดรคีริลล์ในคำปราศรัยสาธารณะต่างๆ รวมถึงเมื่อต้นเดือนนี้ พระองค์  ก็เพิ่งตรัสว่า พระเจ้าจะไม่สนับสนุนสงคราม


https://www.facebook.com/themomentumco/photos/a.1636533129971718/3072492209709129/






นายกรัฐมนตรีอินเดีย บอก ประธานาธิบดีปูติน “ตอนนี้ไม่ใช่ยุคแห่งสงคราม”























กองกำลังประชาชนพม่า (PDF) บุกยิงหัวอดีตฑูตพม่าพร้อมลูกเขย ที่ปรึกษา มิน อ่อง หลาย ตายที่ย่างกุ้ง

หลังจากยิงจบลง มีการแถลงความรับผิดชอบโดยกองกำลังประชาชนพม่า บอกเหตุผลว่าจำเป็นต้องสังหารบุคคลผู้นี้ เพราะให้คำแนะนำแก่ มิน อ่อง หลาย เรื่องการต่อสู้กับขบวนการประชาชนพม่าบ่อยครั้ง ดังนั้น การยิงครั้งนี้จึงเป็นไปด้วยเหตุผลทางการเมือง

















วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2565

ทำไมเครื่องบินไม่บินเป็นเส้นตรง?


ทำไมเครื่องบินไม่บินเป็นเส้นตรง?
แม้ว่าหลายคนจะเข้าใจว่าเส้นทางที่สั้นที่สุดระหว่างจุดสองจุดคือ “เส้นตรง” แต่ในความเป็นจริง การบินข้ามโลกไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากโลกมีลักษณะเป็นทรงกลม เส้นทางที่สั้นที่สุดจริง ๆ บนพื้นผิวโลกคือเส้นโค้งที่เรียกว่า “จีโอดีซิก” (geodesic)
การบินจาก นิวยอร์ก ไป มอสโก หากเราดูจากแผนที่แบบแบน เส้นตรงดูเหมือนจะผ่านยุโรปตอนใต้หรือมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ในความเป็นจริง เครื่องบินจะบินไปทางเหนือผ่านขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นเส้นทางที่สั้นและประหยัดพลังงานกว่า เพราะโลกไม่ได้แบน
ดังนั้น เครื่องบินจะเลือกบินตามเส้นโค้งเพื่อให้ถึงจุดหมายได้เร็วที่สุด เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ยืนยันว่าโลกของเราไม่แบน!






https://www.facebook.com/photo/?fbid=544050411882269&set=gm.1084594933134190&idorvanity=435717594688597

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2565

จิตตั้งมั่นในอารมณ์เดียว



 


ผลวิจัยชิ้นใหม่วิจัยพบ "การนั่งสมาธิ" ช่วยบำบัดโรควิตกกังวลและลดความเครียดได้

"โรควิตกกังวล หรือ Anxiety Disorder" เป็นกลุ่มโรคความผิดปกติทางจิต กำหนดโดยความวิตกกังวลและความกลัวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตโดยไม่มีเหตุผล

ทีมนักวิจัยในเเคนาดากล่าวว่า คน 1 ใน 4 คนจะประสบกับโรควิตกกังวลในชีวิตและความกังวลอาจเพิ่มความรุนแรงขึ้นจนทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถใส่ใจกับงานที่ทำหรือเรื่องสำคัญอื่นๆ ในชีวิตได้

แต่ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยวิเตอร์ลู ในออนตาริโอ้ ประเทศเเคนาดา ชี้ว่าการทำสมาธินาน 10 นาทีต่อวันเป็นประจำทุกวัน อาจช่วยให้คนจิตใจสงบมากขึ้น ไม่ว่อกแว่กและทำงานได้ดีมากขึ้น

การวิจัยนี้จัดทำโดย Mengran Xu และทีมงาน โดยบรรดาผู้เข้าร่วมในการวิจัยได้ทำสมาธิเพื่อทำให้จิตใจจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน และไม่คิดอะไร

Xu นักจิตวิทยาคลินิกที่มหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู หัวหน้าการวิจัยนี้ กล่าวว่า "เป็นที่รู้กันดีว่าคนที่เป็นโรควิตกกังวลไม่สามารถจดจ่อจิตใจกับงานที่กำลังทำอยู่ เพราะว่อกแว่ก คิดไปถึงเรื่องอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา และมักวิตกกังวล แต่คนที่ฝึกสมาธิไม่ให้จิตใจสงบนิ่งจะมีสมาธิดีขึ้น และจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ในการวิจัยนี้ มีผู้เข้าร่วมการวิจัย 82 คน เเละทั้งหมดเป็นโรควิตกกังวล พวกเขาถูกสั่งให้ทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้ความตั้งใจและจดจ่อในงานสูง พวกเขาจะถูกสั่งให้หยุดทำงานเป็นช่วงๆ เพื่อวัดความสามารถในการจดจ่อ

จากนั้นครึ่งหนึ่งของอาสาสมัครจะถูกสั่งให้ฟังเทปเสียงคนอ่านหนังสือให้ฟัง ส่วนอาสาสมัครครึ่งที่เหลือจะทำสมาธิเพื่อฝึกความสงบนิ่งทางจิตใจ โดยนับลมหายใจเข้าออกนานประมาณ 10 นาที

Xu หัวหน้าทีมนักวิจัยชี้ว่า "ทีมงานพบความเเตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างความสามารถในการทำงานของอาสาสมัครที่นั่งสมาธิกับอาสาสมัครที่ไม่นั่งสมาธิ กล่าวคืออาสาสมัครที่นั่งฟังเทปคนอ่านหนังสือทำงานได้ไม่ดีเท่ากับอาสาสมัครที่นั่งสมาธิเพื่อสงบจิตใจ ส่วนคนที่วิตกกังวลเเต่ฝึกสมาธิสามารถจดจ่อกับงานที่ทำและทำงานได้ดีกว่า"

ทีมนักวิจัยชี้ว่า คนที่เป็นโรควิตกกังวลสามารถลดสภาพจิตใจที่ว่อกแว่ก เพิ่มความสามารถในการจดจ่ออยู่กับงานที่ทำได้ดีขึ้นด้วยการนั่งสมาธิเพราะคนที่เป็นโรควิตกกังวลมักจะคิดและกังวลเกี่ยวกับเรื่องอื่นซ้ำเเล้วซ้ำอีกอย่างไม่มีเหตุผล

Xu หัวหน้าการวิจัย กล่าวว่าคนเราทั่วไปใช้เวลาครึ่งหนึ่งในการทำงานไปคิดถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่ เเละสำหรับคนที่เป็นโรควิตกกังวล ความคิดว่อกเเว่กเกิดขึ้่นซ้ำเเล้วซ้ำอีกจนเป็นสาเหตุให้เกิดความกังวลตามมา

ทีมนักวิจัยบอกว่า การควบคุมความคิดที่ว่อกเเว่กด้วยการนั่งสมาธินาน 10 นาทีทุกวัน จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของคนเราทั้งในการทำงานและในด้านความปลอดภัยด้วย เพราะคุณควรมีสมาธิไม่ว่อกเเว่กขณะขับขี่รถยนต์

นโยบายคาสิโนถูกกฎหมาย "ก้าวไกล"

คาสิโนถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแล   https://www.facebook.com/photo/?fbid=122209168586084886&set=a.122102046398084886 ส่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้...