วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

มุสลิมไม่รับคนผู้ที่ต่างจากเขา

มุสพูดเองนะ

"อย่าไปใช้คำว่า พี่น้องชาวพุทธ  พึ่น้องชาวไทย"      (นี่ถ้าอยู่ประเทศอื่น เช่น อยู่พม่า ก็เปลี่ยนคำพูดใหม่  "อย่าไปใช้คำว่าพี่น้องชาวพุทธ  พี่น้องชาวพม่า"    ไปอยู่ลาว   อยู่เขมร  อยู่จีน   อยู่อเมริกา ฯลฯ ก็เปลี่ยน ไปตามศาสนา ตามชาติเชื้อของเขา  แบบนี้ไปอยู่ไหนที่นั่นก็วุ่นวงแตก ไม่เอาคนถือต่าง สมดังคำพระภิกษุที่โดนมาแล้วข้างล่าง ถึงกับเพ่นกลับวัดแทบไม่ทัน) 

พูดไว้ที่นี่

https://www.facebook.com/100064806367324/videos/133864835609705

สมคำร่ำลือ "แต่อิสลามเขาไม่เอาใครนะ"

จากประสบการณ์ตรงของภิกษุชาวเขารูปหนึ่ง

หลังจากออกจากมหาลัยสงฆ์ ถึงเวลาแล้วที่จะออกเดินทางตามที่ตั่งใจไว้ และจะไม่กลับมาอีกแล้ว โดยเริ่มจากกลับไปที่บ้านเกิด เพื่อสร้างบ้านให้พ่อก่อน และเพื่อทดสอบตัวเอง เพราะถ้าผ่านที่บ้านมาได้ก็สามารถไปอยู่ทุกหนแห่งได้สบาย และก็บังเอิญพระที่มาจำพรรษา ในถ้ำราชคฤห์ ออกพรรษาก็ย้ายออกพอดีเลยอยู่คนเดียว ถือโอกาสทดสอบตัวเองเรื่องความกลัว อยู่ภาวนาในถ้ำเป็นเวลาเดือนกว่า เรื่องการปฏิบัติ ความกลัวก็ไม่มีปัญหาเพราะอยู่ไปๆ ก็ได้ผีนี้แหละเป็นเพื่อนทำให้หายกลัวไปเลย แต่มีปัญหาเรื่องอาหารการฉัน ตอนเช้าไปบิณฑบาตใส่แต่ทางบ้านกับบ้านญาติอีกสองหลัง บ้านอื่นไม่ใส่ และที่บ้านใส่ก็เพราะบอกให้ใส่ทุกๆวัน จะได้กับข้าวมาสามถุงก็ฉันอยู่แค่นี้อยู่ไปๆรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเรื่องอาหารการฉัน เพราะเหมือนไปบังคับให้เขามาใส่บาตร อยู่ได้เดือนกว่าก็เลยเดินทางไป ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

ตอนอยู่ดอยอ่างขางได้เจอเหตุการณ์หนึ่งทำให้ตกใจมาก คือ ถูกคนอิสลามทำร้าย

เรื่องมีอยู่ว่า มีพระจะไปซื้อของฝากญาติทางบ้าน ก็ชวนเราไปเป็นเพื่อน ตรงด้านหน้าสถานีเกษตรหลวง บังเอิญร้านที่ซื้อเป็นร้านอิสลาม เราก็ยืนอยู่หน้าร้านรอพระเพื่อน ปรากฎว่ามีคนอยู่ชั้นบนโยนกระสอบลงมาโดนเราเต็มๆ แต่ดีข้างในไม่ใช่ของแข็ง ก็เลยไม่เป็นไรมาก ด้วยความตกใจ ก็เลยรีบเดินกลับ คนรอบๆ เขาก็เห็นนะ แต่ไม่มีใครกล้าว่าอะไร

อยู่ดอยอ่างขางหนึ่งเดือน ก็เลยเดินทางไปดอยปุย มาอยู่ดอยปุย ได้เจอเอกสารเล่มหนึ่ง จริงๆแล้วก็เคยอ่านนานแล้วเป็นเอกสารที่หลุดออกมาเกี่ยวกับแผนการยึดครองประเทศไทยของศาสนาอิสลาม

ในเอกสารเขียนถึงดอยอ่างขาง และดอยปุยแล้วก็เป็นอย่างที่เขียนไว้จริงๆ คือ เขาสำเร็จแล้ว คือตรงไหนเป็นแหละท่องเที่ยว ย่านเศรษฐกิจ การค้า เขาจะส่งคนของเขาลงไปให้แต่งงานกับคนในพื้นที่แล้วค้าขาย เพื่อเงินจะได้อยู่ในกลุ่มคนของเขา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าร้านขายของฝากในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะมีร้านของคนอิสลามเกือบครึ่งหนึ่ง แล้วมีร้านอาหารใหญ่โต ตั้งอยู่หน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรืออย่างดอยปุยร้านขายของฝากในหมู่บ้านม้งรวมถึงหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ ก็เหมือนกัน

จากที่สังเกตุ ตอนเช้าไปบิณฑบาต ร้านที่เป็นคนอิสลามเขาจะเปิดร้านก่อนคนพุทธคือเปิดแต่เช้ามืด พอตอนเช้า พระไปบิณฑบาตนักท่องเที่ยวก็จะไปซื้อของจากร้านอิสลามมาใส่บาตร อย่างหน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกับหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ประจำเลยจะได้แต่อาหารอิสลาม

ก็คงไม่แปลกที่มีข่าวว่าจะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารฮาลาลที่ดอยหล่อ และช่วงที่อยู่ดอยปุยก็เจออีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ ตอนเช้าเราจะลงไปบิณฑบาตในหมู่บ้านม้ง มียายคนหนึ่งแกจะพาหลานสองคนมารอใส่บาตรตรงจุดจำหน่ายตั๋วเพื่อเข้าชมดอกฝิ่นเป็นประจำทุกๆวันไม่เคยขาด ดูแล้วก็คงจะมีฐานะอยากจน แต่มีศรัทธามาใส่บาตรทุกวัน เรายังรู้สึกปลื้มเลย

แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง ในขณะกำลังเดินบิณฑบาต ปรากฎว่ามีคนอิสลามประมาณร้อยกว่าคนเหมารถแดงขึ้นมาถึงแล้วก็แบ่งกันแยกย้ายเดินสำรวจดูหมู่บ้าน จะว่ามาเที่ยวทำไมมาแต่เข้ามืดร้านค้ายังไม่เปิดเลย พอเดินบิณฑบาตมาถึงยายที่ว่า ปรากฎว่ามีคนอิสลามล้อมอยู่ประมาณ 10 คน พอเห็นพระเดินมาก็เปิดทางให้ยายใส่บาตร พอใส่เสร็จก็มาล้อมยายอีก และจากวันนั้นยายคนนี้ไม่มาใส่บาตรอีกเลย ก็แปลกใจเหมือนกัน

จริงๆแล้วก็เจออะไรมาเยอะ แต่ไม่อยากเอามาเล่าก็เฉพาะบางส่วน จากเหตุการที่พบเจอกับความคิดว่าออกจากมหาลัยสงฆ์แล้วจะไม่กลับมาอีก เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้น ขนาดหนีจากเมืองมาอยู่ตามป่าเขา กลับมาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยอมรับว่ารู้สึกกลัวขึ้นมา ถ้ายังมาอยู่แบบนี้ต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อย่างที่ว่าพระก็เหมือนกับเต่าไม่มีกระดองใครสาดอะไรมาก็โดนเต็มๆ ก็เลยตัดสินใจกลับจำพรรษาที่วัดในสังกัดเพื่อมาตั้งหลักใหม่

ที่เคยเล่าว่า มีคนอิสลามมาสำรวจดูหมู่บ้านม้งตอนพระบิณฑบาต จริงๆแล้วมีข้อมูล คือ เขามาสำรวจดูว่าบ้านไหนใส่บาตรเขาจะยื่นข้อเสนอเพื่อให้เลิกใส่เพื่อให้พระอยู่ไม่ได้. เช่นกับยายที่พาหลานมาใส่บาตร เขาเห็นว่ามีเด็กด้วยกลัวเด็กจะซึมซับ เห็นแล้วสงสารยาย บางวันแกยังอุตส่าห์มาแอบดักใส่บาตร

ชาวเขามีประพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทุกคนที่เกิดก็ซึมซับในประเพณีวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านความเชื่อ ถึงบางคนนับถือพุทธก็จริง แต่ยังขาดความเข้าใจประเพณีพุทธ เพราะไม่ได้ปลูกฝังมาแต่บรรพบุรุษ ซึ่งต่างจากชาวคริสในสกลนคร ถึงจะนับถือคริสก็จริง แต่พวกเขานับถือพุทธมาก่อน คุ้นเคยกับประเพณีพุทธมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นคริสต์ภายหลัง เมื่อเปลี่ยนมานับถือคริสต์ก็จริง สิ่งที่ถูกฝัง สิ่งที่คุ้นเคยก็ยังอยู่ จึงไม่แปลกที่พวกเขายังมาใส่บาตร หรือบางคนที่ใส่บาตรมีญาติพี่น้องที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นคริสต์มาบวชอยู่ก็มี ที่มหาลัยสงฆ์ก็มีพระเพื่อนที่มาจากสกลนคร ก็เล่าให้ฟัง เขามาบวช แต่ญาติทางบ้านเปลี่ยนไปนับถือศริสต์แต่ก็ยังใส่บาตรอยู่ และที่สำคัญ คือ ชาวคริสต์ในสกลนครนั้นถูกซื้อตัวไป เรื่องการปฏิบัติจึงไม่ค่อยเคร่งเท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าอิสลามไม่เหมือนคริสต์นะ คริสต์ยังเข้ากันได้ แต่อิสลามเขาไม่เอาใครนะ.




พื้นที่ยะลาภาคใต้เป็นตัวอย่างอีก






1 ความคิดเห็น:

  1. เป็นร้อยๆคนเหมารถแดงขึ้นดอย คงพำนักอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่

    ตอบลบ

งดใช้บริการ

  https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3724456 https://www.facebook.com/photo/?fbid=491527119790156&set=a.433526435590225 https:...